ประเพณีแต่งงานแบบไทย (ช่วงเช้า)
พิธีตักบาตร
ฝ่ายชายจะเป็นผู้มาร่วมพิธีตักบาตรเลี้ยงพระที่บ้านฝ่ายหญิงในตอนเช้าของวันงานพิธี
คู่บ่าวสาวจะตักบาตรโดยใช้ทัพพีและใช้ขันใส่ข้าวใบเดียวกัน
จากนั้นเจ้าบ่าวจึงจะออกไปตั้งขบวนเตรียมสู่พิธีแห่ขันหมากต่อไป
พิธีแห่ขันหมาก
เสียงตีกลองโห่ร้องอย่างครึกครื้นของขบวนขันหมากฝ่ายเจ้าบ่าวนี่เอง
ที่เพื่อนบ้านจะรู้โดยทั่วกันว่ามีงานมงคลโดยในยุคปัจจุบันนิยมจัดพิธีหมั้นและพิธีแต่งงานในวันเดียวกัน
ดังนั้นจึงมีการรวบรัดให้การดำเนิน พิธีต่าง ๆ รวดเร็วมากขึ้น
ทำให้มีการยุบรวมเอาขนหมากหมั้นและขันหมากแต่งเข้าไว้ด้วยกัน
พิธีปิดหรือกั้นประตู
เมื่อขบวนขันหมากของฝ่ายชายเดินทางมาถึงบ้านของฝ่ายหญิง บรรดาญาติพี่น้องของฝ่ายหญิง
จะออกมา กั้นประตูโดยถือสร้อยเงิน สร้อยทอง หรือผ้าแพรคนละฝั่งเพื่อทำเป็นประตู
ซึ่งถ้าอิงประเพณีดั้งเดิมนั้นมีหลัก ๆ เพียง 3 ประตูคือ ประตูชัย ประตูเงิน และประตูทอง (ตามลำดับ)
แต่ก่อนที่ฝ่ายชายจะผ่านแต่ละประตูไปจะต้องบอก ชื่อประตูให้ถูกต้อง
และต้องให้ซองแถมพก (ซองใส่เงิน) แก่ผู้เฝ้าประตู ถือเป็นกุศโลบายของคนโบราณ ให้รู้จักกันกับญาติๆ
พิธีนับสินสอด
ในพิธีการนับสินสอดนั้นจะกระทำต่อหน้าสักขีพยานของทั้งสองฝ่าย
โดยมีผู้ใหญ่ของทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายเป็นผู้ดูแลให้เป็นไปตามขั้นตอน
พิธีสวมแหวนหมั้น
จะกระทำต่อหน้าสักขีพยานเช่นกัน ซึ่งในที่นี้หมายถึง บิดา มารดา และญาติสนิทรวมถึงเพื่อนฝูง
ของทั้งฝ่ายชาย และฝ่ายหญิง ซึ่งเมื่อถึงฤกษ์ที่เป็นมงคลแล้วฝ่ายชายจึงทำการสวมแหวนหมั้นให้ฝ่ายหญิง
จากนั้นฝ่ายหญิง จะรับไหว้พร้อมกับสวมแหวนแลกกับฝ่ายชาย
ความจริงแล้วของหมั้นนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นแหวนเสมอไป อาจใช้สร้อยคอ กำไล ทองแท่งเป็นของหมั้นก็ได้
แต่ที่นิยมเลือกแหวนก็เพราะเป็นของมีค่าที่ทั้งสองคนสามารถใส่ติดตัวได้ตลอดเวลา
ในช่วงนี้ นิยมมีดนตรีบรรเลงเพลงมงคล เพื่อเป็นสิริมงคลแก่คู่บ่าวสาว
พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์
พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์หรือเรียกง่าย ๆ ว่าการรดน้ำสังข์นั้น เริ่มจากการจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
แล้วจึงไปนั่งบนตั่งรดน้ำที่เตรียมไว้ โดยให้ฝ่ายหญิงนั่งทางซ้ายและฝ่ายชายนั่งทางขวา
ตลอดการรดน้ำเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวฝ่ายละ 2 คนยืนประกบอยู่ด้านหลัง
ที่สำคัญต้องเป็นคนโสด จากนั้นเถ้าแก่หรือพ่อแม่ของคู่บ่าวสาวจะสวมมาลัยและมงคลคู่
พร้อมกับเจิมที่หน้าผากและเริ่มรดน้ำก่อนตามด้วยญาติผู้ใหญ่ แขกเหรื่อที่อาวุโสกว่า
ตามด้วยญาติมิตรและเพื่อนฝูงตามลำดับ พิธีนี้ถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญของพิธีแต่งงานเลยทีเดียว
เพราะเมื่อทำการ หลั่งน้ำพระพุทธมนต์เรียบร้อยแล้ว ก็เป็นอันว่าชายหญิงคู่นั้น ๆ
เป็นสามีภรรยากันถูกต้องตามธรรมเนียม
ดนตรีบรรเลงเพลงมงคลที่มีความหมาย เพื่อเป็นสิริมงคลแก่คู่บ่าวสาว ระหว่างรดน้ำ และไม่ให้งานเงียบเกินไป
พิธีรับไหว้
หลังพิธีรดน้ำเสร็จสิ้นจะเป็นพิธีไหว้ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือเพื่อเป็นการฝากเนื้อฝากตัว
ถ้าเป็นพ่อแม่ และญาติผู้ใหญ่ต้องกราบ 3 ครั้ง ส่วนญาติคนอื่น ๆ ให้กราบเพียงครั้งเดียวไม่ต้องแบมือ
แล้วจึงส่งพานธูปเทียนให้ ผู้ใหญ่จะรับไหว้และให้พร พร้อมกับใส่เงินลงในพานให้เป็นเงินทุน
บางแห่งอาจมีการผูกข้อมือด้วยสายสิญจน์ ในขณะอวยพร
พิธีปูที่นอนและส่งตัวเข้าหอ
พิธีนี้จัดได้ว่าเป็นขั้นตอนสุดท้ายของคืนแต่งงาน สิ่งของมงคลที่ต้องเตรียมคือ ฟักเขียวลูกหนึ่ง
หม้อใหม่ใส่น้ำใบหนึ่ง หินบดยา และถั่วงาพร้อมทุนสินสอดวางไว้บนพาน
แล้วนำไปวางไว้ข้างที่นอนเพื่อเป็นเครื่องหมายสำหรับอำนวยพรว่า
“ให้คู่บ่าวสาวมีใจเย็นเสมือนน้ำฟัก มีน้ำใจหนักดั่งศิลา มีแต่ความจำเริญ
วัฒนาเหมือนถั่วงา” จากนั้นผู้ใหญ่ฝ่ายบ่าวสาวจึงจัดแจงวางหมอนหนุนศีรษะ
และให้ผู้ใหญ่คู่ที่ได้รับเชิญมา จัดทำพิธีนี้ลงนอนก่อนเป็นปฐมฤกษ์
กล่าวให้ศีลให้พรแล้วจึงออกมาจาห้องหอ
พิธีจัดเลี้ยง
ขึ้นอยู่กับความสะดวกของคู่บ่าวสาว
ดนตรีบรรเลงเพลงสบายๆ ในงานเลี้ยง
เพื่อเป็นสิริมงคลและขับกล่อมระหว่างรับประทานอาหาร
ใส่ความเห็น